วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2563

คลิปการทดลองวิทยาศาสตร์


คลิปการทดลองวิทยาศาสตร์ 







คลิปสรุปวิจัย




 คลิปสรุปวิจัย














สื่อเพื่อพัฒนาลูกรัก


 สื่อเพื่อพัฒนาลูกรัก







คุยกับลูก “ถ้าหนูเป็นลา หนูจะมีนิสัยขี้โกงเหมือนลาหรือไม่…เพราะอะไร” บทสรุป “เห็นมั๊ยจ๊ะ ผู้ที่ชอบใช้เลห์เหลี่ยมไม่ซื่อตรง ย่อมได้รับผลร้ายจากการกระทำของตนเองนะ” เล่นกับลูก ให้เด็กทำการทดลอง “น้ำเดินได้” มีอุปกรณ์ให้ผู้ปกครอง ดังนี้ 1.กระดาษทิชชู่ 2.แก้วน้ำ 3.สีผสมอาหาร 4.น้ำเปล่า ขั้นตอนการทำ - นำเเก้วน้ำติกที่เตรียมไว้ทั้งหมดมาเรียงแถวต่อกัน หรือ จะทำเป็นวงกลมก็ได้นะคะ - เทน้ำลงไปในเเก้ว เทแก้วเว้นแก้ว - นำสีผสมอาหารมาใส่ลงในเเก้วที่ใส่น้ำไว้ - นำกระดาษทิชชู่มาม้วนทำเป็นสะพานเชื่อมระหว่างแก้วที่ติดกัน ผลจากการทดลอง เนื่องจากกระดาษทิชซู่มีคุณสมบัติ Capillary Action (การซึมผ่านรูเล็กๆ) เพราะทำมาจากเยื่อต้นไม้ จึงใช้หลักการเดียวกับที่พืชลำเลียงน้ำจากพื้นดินไปสู่ส่วนต่างๆนั้นเอง ประโยชน์ “น้ำเดินได้” - ช่วยเสริมทักษะการคิด วิเคราะห์


วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2563

สรุปตัวอย่างการสอน

สรุปตัวอย่างการสอน 

สรุปโทรทัศน์ครู 

เรื่อง สอนเด็กอย่างไรให้มีจิตวิทยาศาสตร์


เรื่อง : สอนเด็กอย่างไรให้มีจิตวิทยาศาสตร์
โดย : ครูประกายแสง เงินกร และ ครูวาสนา พรมตา 


     การสอนวิทยาศาสตร์นั้นจะทำให้เด็กช่างสังเกต พอสังเกตก็จะทำให้เกิดปัญหา แล้วปัญหาเล่านั้น ก็จะทำให้เกิดสมมติฐาน และพอมีปัญหาเกิดขึ้นแล้วเด็กก็สงสัยอยากที่จะหาคำตอบ ซึ่งในการทดลองนั้นเด็กจะชอบมากเพราะเด็กจะได้ลงมือกระทำด้วยตนเองผ่านประสบการณ์ตรงซึ่งการที่เราจะเป็นจิตวิทยาศาสตร์ได้นั้นจะต้องเป็นคนช่างสังเกต การสังเกตนั้นต้องละเอียด ถี่ถ้วน

     การปลูกฝังจิตวิทยาศาสตร์ให้กับเด็ก
     คือเราต้องทำอย่างไรให้เด็กรักในวิทยาศาสตร์ ไม่เบื่อ อยากเรียน อย่างรู้อยากเห็น มีความสนใจซึ่งการสร้างจิตวิทยาศาสตร์ให้เด็กนั้นทำได้โดย
  • สร้างบรรยากาศในการเรียนการสอน คือ การเตรียมอุปกรณ์ในการทดลอง ขั้นนี้เด็กจะเกิดการอยากรู้อยากเห็น รู้จักสังเกต อยากถามเกี่ยวกับอุปกรณ์
     การวัดผล
  • สังเกตหลังจากที่สอนว่าเด็กมีความสนใจเนื้อหา สนุกในการเรียนการสอน หรือไม่
  • สัมภาษณ์ผู้ปกครองว่าเด็กเป็นอย่างไรเมื่ออยู่ที่บ้าน
     ธรรมชาติของเด็กจะเป็นคนขี้สงสัย ชอบถามว่า ทำไม ทำไม ทำไม แต่ถ้าเด็กคนไหนที่ไม่จิตวิทยาศาสตร์จะไม่ค่อยถาม เรียนไม่สนุก ดังนั้นเราควรเรียนรู้จากสิ่งที่ใกล้ตัวเด็ก เด็กสามารถเห็นได้จริง ทดลองได้จริง

     การเตรียมตัวของครูผู้สอน
  • การสอนแบบบรรยาย ครูต้องมีเทคนิคในการสอน ครูต้องมีการเตรียมความพร้อม เนื้อหาต้องสั้น กะทัดรัด และเกิดความเข้าใจ เพราะถ้าเราพูดนาน ๆ เด็กจะเบื่อ เนื่องจากเด็กมีสมาธิที่สั้น
  • การทดลอง เด็กจะตื่นเต้นอยากรู้อยากเห็น เกิดข้อสงสัย เด็กจะเรียนรู้จากการกระทำของเขาเอง
      การสร้างบรรยากาศ/การวางแผน
     ถ้าวางแผนไม่ดีเด็กจะไม่สนใจ การวางแผนที่ดี คือ ชื่อเรื่อง ต้องมีสิ่งเร้า ซึ่งสิ่งเร้า เด็กต้องสามารถหาหนทางแก้ไขปัญหาให้กับเราได้

     เด็กสามารถเรียนรู้โดยทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์คือต้องชั่งสังเกต พอเกิดการสังเกต ก็จะเกิดปัญหา เด็กต้องรวบรวมปัญหาเพื่อเป็นการตั้งสมมติฐาน เป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เป็นการฝึกให้เด็กเกิดการคิดวิเคราะห์ ในการทดลอง เราไม่ควรไปตีกรอบผลการทดลอง ซึ่งถ้าทดลองเสร็จแล้วให้เด็กแต่ละกลุ่มออกมารายงานผล เผื่อเป็นการสรุปผลซึ่งในการทดลองจะทำให้เด็กได้เกิดกระบวนการกลุ่ม แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนอีกด้วย

สรุปวิจัย

สรุปวิจัย 

สรุปวิจัย

สรุปวิจัยเรื่อง ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมการบวนการทางวิทยาศาสตร์นอกห้องเรียน

ปริญญานิพนธ์ของ สุมาลี หมวดไธสง
มหาลัยวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
ปีพ.ศ. 2554

ความสำคัญของงานวิจัย
เป็นการเผยเพร่ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัย โดยได้รับการจัดกิจกรรมกระบวนการทางวิทยาศาสตร์นอกห้องเรียนและเป็นแนวทางในการใช้วิธีการสอนและการจัดกิจกกรมให้ดู และผู้ที่เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัยนำไปพัฒนาทักษะด้านอื่นๆให้แก่เด็ก ต้องเป็นการส่งเสริมพัฒนาการและศักยภาพของเด็กปฐมวัยต่อไป

ความมุ่งหมายของงานวิจัย
1.ระดับความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมกระบวนการทางวิทยาศาสตร์นอกห้องเรียน
2.เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังได้รับการจัดกิจกรรมกระบวนการทางวิทยาศาสตร์นอกห้องเรียน

ประชากรที่ใช้ในการวิจัย
เป็นเด็กปฐมวัยอายุ 5-6 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นอนุบาล 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2553 โรงเรียนสารสาสน์วิเทศสุวรรณภูมิ สมุทรปราการ จำนวน 180 คน

ตัวแปรที่ศึกษา
1.ตัวแปรอิสระ ได่้แก่ กิจกรรมกระบวนการทางวิทยาศาสตร์นอกห้องเรียน
2.ตัวแปรตาม  ได้แก่ ความสามารถในการคิดวิเคราะห์

เครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัย
1.แผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ในกิจกรรมวิทยาศาสตร์นอกห้องเรียน
2.แบบทดสอบในการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัย
2.1.การจัดหมวดหมู่
2.2.การหาความสัมพันธ์

ระยะเวลาการวิจัย
การทดลองครั้งนี้ดำเนินการในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2553 เป็นเวลา 8 สัปดาห์สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 40 นาที รวมเวลาทดลองทั้งสิ้น 24 ครั้ง ในช่วงเวลา 10.00-10.40 น. โดยมีลำดับขั้นตอนดังนี้
1.สร้างความคุ้นเคยกับกลุ่มตัวอย่างเป็นเวลา 1 สัปดาห์
2.นำแบบทดสอบการคิดวิเคราะห์ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมาทดสอบก่อนทดลองกับกลุ่มตัวอย่าง
3.ดำเนินการทดลองกับกลุ่มตัวอย่าง โดยการใช้กิจกรรม กระบวนการทางวิทยาศาสตร์นอกห้องเรียนเป็นเวลา 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 40 นาที

สรุปผลการวิจัย
1.ผลการศึกษาระดับความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของ เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมกระบวนการทางวิทยาศาสตร์นอกห้องเรียนของ ระดับความสามารถในการคิดวิเคราะห์สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
2.ผลการเปรียบเทียบความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยหลังได้รับการจัดกิจกรรมกระบานการทางวิทยาศาสตร์นอกห้องเรียนมีค่าเฉลี่ยสูงขึ้นกว่าก่อนได้รับการจัดกิจกรรมกระบวนการทางวิทยาศาสตร์นอกห้องเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

สรุปบทความ

สรุปบทความ 

สรุปบทความ

     เรื่อง : วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย (Science for Early Childhood) 
     ผู้เขียน : บุญไทย แสนอุบล 


     การเรียนวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยนั้นมิใช่หมายถึงสาระทางเคมี ชีววิทยา แต่เด็กปฐมวัยนั้นจะเรียนรู้วิทยาศาสตร์จากสิ่งแวดล้อมรอบตัวเด็กและธรรมชาติเป็นหลักสำคัญ ซึ่งได้แบ่งสาระทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยได้ 4 หน่วย ดังนี้
    
     หน่วยที่ 1 การสังเกตโลกรอบตัว
     หน่วยที่ 2 การรับรู้ทางประสาทสัมผัสและการรับรู้
     หน่วยที่ 3 รู้ทรงและสิ่งที่เกี่ยวข้อง
     หน่วยที่ 4 การจัดหมู่และการแยกประเภท

     ในการเรียนหน่วยวิทยาศาสตร์ทั้ง 4 เด็กจะตั้งใช้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ได้แก่

  1. การสังเกต
  2. การจำแนกประเภท
  3. การสื่อความหมาย
  4. ทักษะการลงความเห็น
    ทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

     การเรียนวิทยาศาสตร์เป็นการเรียนการแก้ไขปัญหาอย่างมีเหตุผล ซึ่งกระบวนการทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยสามารถเรียนรู้ได้โดยครูกับเด็กช่วยกันคิดและปฏิบัติ แบ่งเป็น 5 ขั้นดังนี้

     ขั้นที่ 1 การกำหนดขอบเขตของปัญหา 
ครูกับเด็กร่วมกันคิดตั้งประเด้กปัญหาสิ่งที่ต้องการเรียนรู้ร่วมกัน เช่น ต้นไม้โตได้อย่างไร
     ขั้นที่ 2 ตั้งสมมุติฐาน 
เป็นขั้นของการวางแผนร่วมกัน ในการที่จะทดลองหาคำตอบจากการคาดเดาล่วงหน้า
     ขั้นที่ 3 ทดลองและเก็บข้อมูล 
เป็นขั้นตอนที่ครูกับเด็กร่วมกันดำเนินการตามแผนการทดลองตาสมมุติฐานที่ตั้งไว้ในขั้นที่ 2
     ขั้นที่ 4 วิเคราะห์ข้อมูล 
ครูและเด็กนำผลการทดลองมาสนทนา อภิปรายแลกเปลี่ยนความเห็นร่วมกัน
     ขั้นที่ 5 สรุปผลคำตอบสมมุติฐาน ว่าผลที่เกดคืออะไร เพราะอะไร ทำไม
     
     กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ทั้ง 5 ขั้น เป็นกระบวนการที่ต่อเนื่งเป็นวัฏจักร ทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ต้องนำมาใช้ในกระบวนการ คือ การสังเกต การจำแนกประเภทและเปรียบเทียบ การวัด การสื่อสาร การทดลอง การสรุปและการนำไปใช้ 

    
     สาระที่เด็กต้องเรียน
  1. สาระเกี่ยวกับพืช เช่น พืช ต้นไม้ ดอกไม้
  2. สาระเกี่ยวกับสัตว์ เช่น ประเภทของสัตว์ สวนสัตว์
  3. สาระเกี่ยวกับฟิสิกส์ เช่น การจม การลอย
  4. สาระเกี่ยวกับเคมี เช่น รสของผลไม้ ความร้อน
  5. สาระเกี่ยวกับธรณีวิทยา เช่น ดิน ทราย หิน
  6. สาระเกี่ยวกับดาราศาสตร์ เช่น ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์
    เป้าหมายของการเรียนวิทยาศาสตร์
  1. ให้เด็กได้ค้นคว้าและสืบค้นสิ่งต่าง ๆ และปรากฎการณ์ที่มี
  2. ให้เด็กได้ใช้ประบวนการทักษะทางวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง
  3. กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็น ความสนใจ  และเจตคติของเด็กให้พบ
  4. ช่วยให้เด็กค้นหาข้อมูลความรู้บางอย่างที่เป็นวิทยาศาสตร์ที่สัมพันธ์กับชีวิตประจำวันและการสืบค้น
หลักการจัดกิจกรรม แบ่งได้ 5 ข้อ
  1. เป็นเรื่องใกล้ตัวเด็ก
  2. เอื้ออำนวยให้แก่เด็กที่กระทำ
  3. เด็กต้องการและสนใจ
  4. ไม่ซับซ้อน
  5. สมดุล
     สรุปได้ว่า
สิ่งที่ได้จากวิทยาศาสตร์นั้น คือ การสร้างให้เด็กมีนิสัยในการค้นคว้า การสืบค้น และการเข้าใจสภาพแวดล้อมรอบตัว รู้จักการค้นหาความรู้อย่างนักวิทยาศาสตร์ โดยการพัฒนาทักษะพื้นฐานวิทยาศาสตร์และ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 

วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2563

บันทึกครั้งที่ 10

 บันทึกครั้งที่ 10

วันศุกร์ ที่ 13  พฤศจิกายน 2563 เวลา 08:30-12.30 น.


เนื้อหา

สรุปสิ่งได้เรียน


พูดคุยกับด็กในชีวิตประจำวัน เริ่มจากคำถามที่สนใจ จากสิ่งที่เด็กเรียนรู้ครูมีหน้าที่ชักชวนเด็ก มีวิธีการหาคำตอบ ให้ข้อมูลมีบทบาทในการกระตุ้นให้ได้เกิดความคิด


การจดบันทึก

ต้องจดตามคำถามของเด็ก ว่าเขาค้นพบอะไร เด็กรู้สึกยังไง คำตอบเหล่านี้นำไปสู่ความคิดของเด็ก


การเข้าสู่กิจกรรม

-ใครอยากช่วยครูทำบ้าง

-ไหนใครอยากทำบ้าง

ชวนเด็กในการทำกิจกรรม ทำอะไร เห็นอะไร  ความรู้ในระดับเเนวคิดรวบยอดที่ครูควรรู้ มีการบูรณาการ วิชาวิทยาศาสตร์เข้ากับวิชาอื่นๆ การคิด สาระคณิตศาสตร์การนับจำนวน


งานที่ได้รับมอบหมาย


                                                  โครงการวิทยาศาสตร์(การทดลอง)





คำศัพท์
         1.The growth    การเจริญเติบโต
          2.Lettuce    ผักกาด
          3.glass    แก้ว
          4.Life    ชีวิต
          5.Radish    หัวไช้เท้า

การประเมิน

                 ประเมินตนเอง  ตั้งใจฟังที่อาจารย์มอบหมายงาน

                 ประเมินเพื่อน   ตั้งใจฟังและตอบคำถามอาจารย์เมื่ออาจารย์ถาม

                 ประเมินอาจารย์  พูดอธิบายงานอย่างละเอียด

คลิปการทดลองวิทยาศาสตร์

คลิปการทดลองวิทยาศาสตร์