หน้าหลัก

วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2563

สื่อเพื่อพัฒนาลูกรัก


 สื่อเพื่อพัฒนาลูกรัก







คุยกับลูก “ถ้าหนูเป็นลา หนูจะมีนิสัยขี้โกงเหมือนลาหรือไม่…เพราะอะไร” บทสรุป “เห็นมั๊ยจ๊ะ ผู้ที่ชอบใช้เลห์เหลี่ยมไม่ซื่อตรง ย่อมได้รับผลร้ายจากการกระทำของตนเองนะ” เล่นกับลูก ให้เด็กทำการทดลอง “น้ำเดินได้” มีอุปกรณ์ให้ผู้ปกครอง ดังนี้ 1.กระดาษทิชชู่ 2.แก้วน้ำ 3.สีผสมอาหาร 4.น้ำเปล่า ขั้นตอนการทำ - นำเเก้วน้ำติกที่เตรียมไว้ทั้งหมดมาเรียงแถวต่อกัน หรือ จะทำเป็นวงกลมก็ได้นะคะ - เทน้ำลงไปในเเก้ว เทแก้วเว้นแก้ว - นำสีผสมอาหารมาใส่ลงในเเก้วที่ใส่น้ำไว้ - นำกระดาษทิชชู่มาม้วนทำเป็นสะพานเชื่อมระหว่างแก้วที่ติดกัน ผลจากการทดลอง เนื่องจากกระดาษทิชซู่มีคุณสมบัติ Capillary Action (การซึมผ่านรูเล็กๆ) เพราะทำมาจากเยื่อต้นไม้ จึงใช้หลักการเดียวกับที่พืชลำเลียงน้ำจากพื้นดินไปสู่ส่วนต่างๆนั้นเอง ประโยชน์ “น้ำเดินได้” - ช่วยเสริมทักษะการคิด วิเคราะห์


วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2563

สรุปตัวอย่างการสอน

สรุปตัวอย่างการสอน 

สรุปโทรทัศน์ครู 

เรื่อง สอนเด็กอย่างไรให้มีจิตวิทยาศาสตร์


เรื่อง : สอนเด็กอย่างไรให้มีจิตวิทยาศาสตร์
โดย : ครูประกายแสง เงินกร และ ครูวาสนา พรมตา 


     การสอนวิทยาศาสตร์นั้นจะทำให้เด็กช่างสังเกต พอสังเกตก็จะทำให้เกิดปัญหา แล้วปัญหาเล่านั้น ก็จะทำให้เกิดสมมติฐาน และพอมีปัญหาเกิดขึ้นแล้วเด็กก็สงสัยอยากที่จะหาคำตอบ ซึ่งในการทดลองนั้นเด็กจะชอบมากเพราะเด็กจะได้ลงมือกระทำด้วยตนเองผ่านประสบการณ์ตรงซึ่งการที่เราจะเป็นจิตวิทยาศาสตร์ได้นั้นจะต้องเป็นคนช่างสังเกต การสังเกตนั้นต้องละเอียด ถี่ถ้วน

     การปลูกฝังจิตวิทยาศาสตร์ให้กับเด็ก
     คือเราต้องทำอย่างไรให้เด็กรักในวิทยาศาสตร์ ไม่เบื่อ อยากเรียน อย่างรู้อยากเห็น มีความสนใจซึ่งการสร้างจิตวิทยาศาสตร์ให้เด็กนั้นทำได้โดย
  • สร้างบรรยากาศในการเรียนการสอน คือ การเตรียมอุปกรณ์ในการทดลอง ขั้นนี้เด็กจะเกิดการอยากรู้อยากเห็น รู้จักสังเกต อยากถามเกี่ยวกับอุปกรณ์
     การวัดผล
  • สังเกตหลังจากที่สอนว่าเด็กมีความสนใจเนื้อหา สนุกในการเรียนการสอน หรือไม่
  • สัมภาษณ์ผู้ปกครองว่าเด็กเป็นอย่างไรเมื่ออยู่ที่บ้าน
     ธรรมชาติของเด็กจะเป็นคนขี้สงสัย ชอบถามว่า ทำไม ทำไม ทำไม แต่ถ้าเด็กคนไหนที่ไม่จิตวิทยาศาสตร์จะไม่ค่อยถาม เรียนไม่สนุก ดังนั้นเราควรเรียนรู้จากสิ่งที่ใกล้ตัวเด็ก เด็กสามารถเห็นได้จริง ทดลองได้จริง

     การเตรียมตัวของครูผู้สอน
  • การสอนแบบบรรยาย ครูต้องมีเทคนิคในการสอน ครูต้องมีการเตรียมความพร้อม เนื้อหาต้องสั้น กะทัดรัด และเกิดความเข้าใจ เพราะถ้าเราพูดนาน ๆ เด็กจะเบื่อ เนื่องจากเด็กมีสมาธิที่สั้น
  • การทดลอง เด็กจะตื่นเต้นอยากรู้อยากเห็น เกิดข้อสงสัย เด็กจะเรียนรู้จากการกระทำของเขาเอง
      การสร้างบรรยากาศ/การวางแผน
     ถ้าวางแผนไม่ดีเด็กจะไม่สนใจ การวางแผนที่ดี คือ ชื่อเรื่อง ต้องมีสิ่งเร้า ซึ่งสิ่งเร้า เด็กต้องสามารถหาหนทางแก้ไขปัญหาให้กับเราได้

     เด็กสามารถเรียนรู้โดยทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์คือต้องชั่งสังเกต พอเกิดการสังเกต ก็จะเกิดปัญหา เด็กต้องรวบรวมปัญหาเพื่อเป็นการตั้งสมมติฐาน เป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เป็นการฝึกให้เด็กเกิดการคิดวิเคราะห์ ในการทดลอง เราไม่ควรไปตีกรอบผลการทดลอง ซึ่งถ้าทดลองเสร็จแล้วให้เด็กแต่ละกลุ่มออกมารายงานผล เผื่อเป็นการสรุปผลซึ่งในการทดลองจะทำให้เด็กได้เกิดกระบวนการกลุ่ม แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนอีกด้วย

สรุปวิจัย

สรุปวิจัย 

สรุปวิจัย

สรุปวิจัยเรื่อง ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมการบวนการทางวิทยาศาสตร์นอกห้องเรียน

ปริญญานิพนธ์ของ สุมาลี หมวดไธสง
มหาลัยวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
ปีพ.ศ. 2554

ความสำคัญของงานวิจัย
เป็นการเผยเพร่ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัย โดยได้รับการจัดกิจกรรมกระบวนการทางวิทยาศาสตร์นอกห้องเรียนและเป็นแนวทางในการใช้วิธีการสอนและการจัดกิจกกรมให้ดู และผู้ที่เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัยนำไปพัฒนาทักษะด้านอื่นๆให้แก่เด็ก ต้องเป็นการส่งเสริมพัฒนาการและศักยภาพของเด็กปฐมวัยต่อไป

ความมุ่งหมายของงานวิจัย
1.ระดับความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมกระบวนการทางวิทยาศาสตร์นอกห้องเรียน
2.เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังได้รับการจัดกิจกรรมกระบวนการทางวิทยาศาสตร์นอกห้องเรียน

ประชากรที่ใช้ในการวิจัย
เป็นเด็กปฐมวัยอายุ 5-6 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นอนุบาล 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2553 โรงเรียนสารสาสน์วิเทศสุวรรณภูมิ สมุทรปราการ จำนวน 180 คน

ตัวแปรที่ศึกษา
1.ตัวแปรอิสระ ได่้แก่ กิจกรรมกระบวนการทางวิทยาศาสตร์นอกห้องเรียน
2.ตัวแปรตาม  ได้แก่ ความสามารถในการคิดวิเคราะห์

เครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัย
1.แผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ในกิจกรรมวิทยาศาสตร์นอกห้องเรียน
2.แบบทดสอบในการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัย
2.1.การจัดหมวดหมู่
2.2.การหาความสัมพันธ์

ระยะเวลาการวิจัย
การทดลองครั้งนี้ดำเนินการในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2553 เป็นเวลา 8 สัปดาห์สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 40 นาที รวมเวลาทดลองทั้งสิ้น 24 ครั้ง ในช่วงเวลา 10.00-10.40 น. โดยมีลำดับขั้นตอนดังนี้
1.สร้างความคุ้นเคยกับกลุ่มตัวอย่างเป็นเวลา 1 สัปดาห์
2.นำแบบทดสอบการคิดวิเคราะห์ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมาทดสอบก่อนทดลองกับกลุ่มตัวอย่าง
3.ดำเนินการทดลองกับกลุ่มตัวอย่าง โดยการใช้กิจกรรม กระบวนการทางวิทยาศาสตร์นอกห้องเรียนเป็นเวลา 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 40 นาที

สรุปผลการวิจัย
1.ผลการศึกษาระดับความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของ เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมกระบวนการทางวิทยาศาสตร์นอกห้องเรียนของ ระดับความสามารถในการคิดวิเคราะห์สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
2.ผลการเปรียบเทียบความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของเด็กปฐมวัยหลังได้รับการจัดกิจกรรมกระบานการทางวิทยาศาสตร์นอกห้องเรียนมีค่าเฉลี่ยสูงขึ้นกว่าก่อนได้รับการจัดกิจกรรมกระบวนการทางวิทยาศาสตร์นอกห้องเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

สรุปบทความ

สรุปบทความ 

สรุปบทความ

     เรื่อง : วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย (Science for Early Childhood) 
     ผู้เขียน : บุญไทย แสนอุบล 


     การเรียนวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยนั้นมิใช่หมายถึงสาระทางเคมี ชีววิทยา แต่เด็กปฐมวัยนั้นจะเรียนรู้วิทยาศาสตร์จากสิ่งแวดล้อมรอบตัวเด็กและธรรมชาติเป็นหลักสำคัญ ซึ่งได้แบ่งสาระทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยได้ 4 หน่วย ดังนี้
    
     หน่วยที่ 1 การสังเกตโลกรอบตัว
     หน่วยที่ 2 การรับรู้ทางประสาทสัมผัสและการรับรู้
     หน่วยที่ 3 รู้ทรงและสิ่งที่เกี่ยวข้อง
     หน่วยที่ 4 การจัดหมู่และการแยกประเภท

     ในการเรียนหน่วยวิทยาศาสตร์ทั้ง 4 เด็กจะตั้งใช้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ได้แก่

  1. การสังเกต
  2. การจำแนกประเภท
  3. การสื่อความหมาย
  4. ทักษะการลงความเห็น
    ทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

     การเรียนวิทยาศาสตร์เป็นการเรียนการแก้ไขปัญหาอย่างมีเหตุผล ซึ่งกระบวนการทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยสามารถเรียนรู้ได้โดยครูกับเด็กช่วยกันคิดและปฏิบัติ แบ่งเป็น 5 ขั้นดังนี้

     ขั้นที่ 1 การกำหนดขอบเขตของปัญหา 
ครูกับเด็กร่วมกันคิดตั้งประเด้กปัญหาสิ่งที่ต้องการเรียนรู้ร่วมกัน เช่น ต้นไม้โตได้อย่างไร
     ขั้นที่ 2 ตั้งสมมุติฐาน 
เป็นขั้นของการวางแผนร่วมกัน ในการที่จะทดลองหาคำตอบจากการคาดเดาล่วงหน้า
     ขั้นที่ 3 ทดลองและเก็บข้อมูล 
เป็นขั้นตอนที่ครูกับเด็กร่วมกันดำเนินการตามแผนการทดลองตาสมมุติฐานที่ตั้งไว้ในขั้นที่ 2
     ขั้นที่ 4 วิเคราะห์ข้อมูล 
ครูและเด็กนำผลการทดลองมาสนทนา อภิปรายแลกเปลี่ยนความเห็นร่วมกัน
     ขั้นที่ 5 สรุปผลคำตอบสมมุติฐาน ว่าผลที่เกดคืออะไร เพราะอะไร ทำไม
     
     กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ทั้ง 5 ขั้น เป็นกระบวนการที่ต่อเนื่งเป็นวัฏจักร ทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ต้องนำมาใช้ในกระบวนการ คือ การสังเกต การจำแนกประเภทและเปรียบเทียบ การวัด การสื่อสาร การทดลอง การสรุปและการนำไปใช้ 

    
     สาระที่เด็กต้องเรียน
  1. สาระเกี่ยวกับพืช เช่น พืช ต้นไม้ ดอกไม้
  2. สาระเกี่ยวกับสัตว์ เช่น ประเภทของสัตว์ สวนสัตว์
  3. สาระเกี่ยวกับฟิสิกส์ เช่น การจม การลอย
  4. สาระเกี่ยวกับเคมี เช่น รสของผลไม้ ความร้อน
  5. สาระเกี่ยวกับธรณีวิทยา เช่น ดิน ทราย หิน
  6. สาระเกี่ยวกับดาราศาสตร์ เช่น ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์
    เป้าหมายของการเรียนวิทยาศาสตร์
  1. ให้เด็กได้ค้นคว้าและสืบค้นสิ่งต่าง ๆ และปรากฎการณ์ที่มี
  2. ให้เด็กได้ใช้ประบวนการทักษะทางวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง
  3. กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็น ความสนใจ  และเจตคติของเด็กให้พบ
  4. ช่วยให้เด็กค้นหาข้อมูลความรู้บางอย่างที่เป็นวิทยาศาสตร์ที่สัมพันธ์กับชีวิตประจำวันและการสืบค้น
หลักการจัดกิจกรรม แบ่งได้ 5 ข้อ
  1. เป็นเรื่องใกล้ตัวเด็ก
  2. เอื้ออำนวยให้แก่เด็กที่กระทำ
  3. เด็กต้องการและสนใจ
  4. ไม่ซับซ้อน
  5. สมดุล
     สรุปได้ว่า
สิ่งที่ได้จากวิทยาศาสตร์นั้น คือ การสร้างให้เด็กมีนิสัยในการค้นคว้า การสืบค้น และการเข้าใจสภาพแวดล้อมรอบตัว รู้จักการค้นหาความรู้อย่างนักวิทยาศาสตร์ โดยการพัฒนาทักษะพื้นฐานวิทยาศาสตร์และ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 

วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2563

บันทึกครั้งที่ 10

 บันทึกครั้งที่ 10

วันศุกร์ ที่ 13  พฤศจิกายน 2563 เวลา 08:30-12.30 น.


เนื้อหา

สรุปสิ่งได้เรียน


พูดคุยกับด็กในชีวิตประจำวัน เริ่มจากคำถามที่สนใจ จากสิ่งที่เด็กเรียนรู้ครูมีหน้าที่ชักชวนเด็ก มีวิธีการหาคำตอบ ให้ข้อมูลมีบทบาทในการกระตุ้นให้ได้เกิดความคิด


การจดบันทึก

ต้องจดตามคำถามของเด็ก ว่าเขาค้นพบอะไร เด็กรู้สึกยังไง คำตอบเหล่านี้นำไปสู่ความคิดของเด็ก


การเข้าสู่กิจกรรม

-ใครอยากช่วยครูทำบ้าง

-ไหนใครอยากทำบ้าง

ชวนเด็กในการทำกิจกรรม ทำอะไร เห็นอะไร  ความรู้ในระดับเเนวคิดรวบยอดที่ครูควรรู้ มีการบูรณาการ วิชาวิทยาศาสตร์เข้ากับวิชาอื่นๆ การคิด สาระคณิตศาสตร์การนับจำนวน


งานที่ได้รับมอบหมาย


                                                  โครงการวิทยาศาสตร์(การทดลอง)





คำศัพท์
         1.The growth    การเจริญเติบโต
          2.Lettuce    ผักกาด
          3.glass    แก้ว
          4.Life    ชีวิต
          5.Radish    หัวไช้เท้า

การประเมิน

                 ประเมินตนเอง  ตั้งใจฟังที่อาจารย์มอบหมายงาน

                 ประเมินเพื่อน   ตั้งใจฟังและตอบคำถามอาจารย์เมื่ออาจารย์ถาม

                 ประเมินอาจารย์  พูดอธิบายงานอย่างละเอียด

บันทึกครั้งที่ 9



บันทึกครั้งที่9

วันศุกร์ ที่ 16 ตุลาคม 2563 เวลา 08:30-12.30 น. 


เนื้อหา
                    
                อาจารย์แจกกระดาษแข็งมาคนละ 2 ชิ้น และคลิปหนีบกระดาษ แล้วให้ประดฺิษฐ์ของเล่นอะไรก็ได้โดยเวลาเล่นต้องโยนแล้วร่วงลงถึงพื้นช้าที่สุด


                                   

และงานสุดท้ายของคาบนี้คือ อาจารย์แจกดินน้ำมันคนละก้อนแล้วก็ให้ตัวแทนกลุ่มออกไปตักน้ำใส่ถาด เพื่อที่จะปั้นดินน้ำมันลงไป ตอนแรกอาจารย์ให้ปั้นเป็นก้อนกลมๆแล้วใส่ไปในน้ำถามว่ามันจมหรือลอยก็ตอบว่าจม แล้วอาจารย์ก็ให้คิดว่าจะปั้นดินน้ำมันยังให้ลอยน้ำได้พวกเราก็เลยปั้นคล้ายๆกระทง



                                   
คำศัพท์

           1.Boomerang    บูมเมอแรง
            2.air    อากาศ
  3.force    แรง
            4.wind    ลม
            5.Rotation    การหมุน

ประเมิน

                 ประเมินตนเอง  ตั้งใจฟังที่อาจารย์มอบหมายงาน

                 ประเมินเพื่อน   ตั้งใจฟังและตอบคำถามอาจารย์

                 ประเมินอาจารย์  พูดอธิบายงานอย่างละเอียด 

บันทึกครั้งที่ 8

 บันทึกครั้งที่8

วันศุกร์ ที่ 9 ตุลาคม 2563 เวลา 08:30-12.30 น. 


เนื้อหา
                               
    วันนี้อาจารย์ได้เปิด CD เรื่องมหัศจรรย์ของน้ำ

-ร่างกายมนุษย์มีน้ำ เป็นส่วนประกอบมากกว่า 70% หน้าที่ของน้ำในร่างกายช่วยย่อยอาหาร ละลายสารอาหาร ถ้าร่างกายของเราผ่านน้ำจะรู้สึกอ่อนเพรียร่างกายของเราจะขับเหงื่อออกมาในเวลาที่ได้รับความร้อน มนุษย์ขาดน้ำได้ 3วัน

-สิ่งมีชีวิตต่างๆในโลกล้วยมีน้ำเป็นองค์ประกอบ


การเปลี่ยนสถานะของน้ำ

ของเเข็ง > ของเหลว = เกิดการหลอมเหลว

ของเหลว > เเก๊ส = การระเหย

เเก๊ส > ของเหลว = การระเหย

ฝนตกเกิดจาก

เกิดจากเเหล่งน้ำที่ได้รับความร้อนจากพลังงานเเสงอาทิตย์ กลายเป็นไอน้ำขนาดใหญ่ที่ละเหยไปบนท้องฟ้า ทำให้ก้อนเมฆ☁️เกิดการควบเเน่นเเล้วกลายเป็นฝนตกลงมา


การระเหยของน้ำ

การกลายเป็นไอที่ของเหลวเปลี่ยนสถานะทำให้กลายเป็นไอ ผิวหน้ากว้างจะละเหยได้ดีกว่า


ยกตัวอย่างการทดลองในคลิปวิดิโอ

อุปกรณ์ 

1.เเก้วน้ำ

2.กระดาษเเข็ง

วิธีทำ

ใส่น้ำให้เต็มเเก้วจากนั้นนำกระดาษเเข็งปิดปากเเก้ว เเล้วนำไปเเช่ตู้เย็น

เมื่อนำเก้วออกมาจากตู้เย็นสังเกตเห็นผลที่ได้คือ โมเลกุลที่อัดเเน่นทำให้เกิดน้ำเเข็งทำให้ดันกระดาษถุกดันออกมาน้ำเเข้งจึงล้นออกมาจากเเก้วได้


เรื่อง เเรงกดดันของน้ำ                



อุปกรณ์ 

1.ขวด

2.ที่เจาะรู

3.เทป


วิธีทำ

1.เจาะรูทั้ง 3 รู เว้นระยะห่าง

2.ใช้เทปปิดรู

3.ใส่น้ำจนเต็มขวด

3.เปิดรูออกที่ละรูจนครบทุกรู 

ผลที่ได้

น้ำในเเต่ละรูพุ่งออกมาในระดับที่ไม่เท่ากันในเเต่ละส่วน เพราะเกิดจากการที่มีเเรงกดดันที่ไม่เท่ากัน 

รูบนสุด > เเรงกดดันจะน้อย

รูล่างสุด > เเรงกดดันมาก




ยกตัวอย่างของเล่นวิทยาศาสตร์





อุปกรณ์

1.ขวดน้ำ

2.ตุ๊กตาดินน้ำมันมีโพรงอากาศอยู่


วิธีการเล่น

บีบขวดน้ำ ทำให้ปลาหมึกลอยขึ้นบนขึ้นล่าง




จากที่ได้ดูคลิปวิดิโอเสร็จอาจารย์ก็ได้มอบหมายงาน 2 งาน โดยทำเป็นกลุ่ม

งานชิ้นที่ 1

 



สรุปเป็นองค์ความรู้ความเข้าใจจากสิ่งที่ได้ดูในคลิป


งานชิ้นที่ 2





ออกเเบบของเล่นตามมุมเกี่ยวกับน้ำ กลุ่มของผมได้ออกเเบบ น้ำพุโดยไม่ใช้พลังงาน



คำศัพท์

            1.water    น้ำ
            2. The work    การทำงาน
  3.Float    การลอย
            4.Sinking    การจม
            5.Mind map    แผนผังความคิด
ประเมิน

                ประเมินตนเอง  ตั้งใจฟังที่อาจารย์มอบหมายงาน

                 ประเมินเพื่อน   ตั้งใจฟังและตอบคำถามอาจารย์เมื่ออาจารย์ถาม

                 ประเมินอาจารย์  พูดอธิบายงานอย่างละเอียด

บันทึกครั้งที่ 7

 

บันทึกครั้งที่7

วันศุกร์ ที่ 7 ตุลาคม 2563 เวลา 08:30-12.30 น. 

เนื้อหา

   วันนี้ได้ทำ 3กิจกรรม กิจกรรมที่1 ทายชื่อเเหล่งน้ำ กิจกรรมที่2 ให้สร้างสวนสนุก กิจกรรมที่3 ดอกไม้บาน 




                    กิจกรรมที่1 ให้ทายชื่อเเหล่งน้ำ จับกลุ่ม 5 คน  เเล้ววาดเเหล่งน้ำโดยไม่ได้บอกชื่อของเเหล่งน้ำนั้นๆ เเต่ให้วาดจุดเด่นของเเหล่งน้ำนั้นๆ เพื่อให้เพื่อนได้ทายชื่อของเเหล่งน้ำ




                กิจกรรมที่2 ให้สร้างสวนสนุก ให้จับกลุ่ม 5 เหมือนกัน แล้วให้สร้างสไลด์เดอร์ โดยให้ออแบบเองและทำยังไงก็ได้ให้ลูกกลิ้งไหลช้าที่สุด




                   กิจกรรมที่3 ดอกไม้บาน   อาจารย์ให้กระดาษมานละแผ่นแล้วให้ตัดเป็นดอกไม้แล้วเอาสีเมจิกระบายให้สวยงาม แล้วให้ตัวแทนนของกลุ่มไปตักน้ำใส่ถาดมาเพื่อที่จะเอาดอกไม้ที่ทำมาลอยโดยการพับกลีบของดอกไม้หลวมๆเพื่อที่จะเอาไปลอยน้ำแล้วกลีบดอกไม้คลายออกมา



                                                          

       ทักษะที่ได้รับ 

             ทักษะการสังเกต ว่าสิ่งที่เพื่อนๆว่าแหล่งน้ำมันคือที่ไหน และมีจุดเด่นอะไรบ้าง

             ทักษะการคิดวางแผน ในการทำสไลเดอร์อย่างไรเพื่อที่จะให้ดอนน้ำมันกลิ้งลงได้ช้าที่สุด

             ทักษะในการให้เหตุผล การที่ทำให้ให้ดินน้ำมันกลิ้งนานก็จะต้องทำให้สไลเดอร์ต่ำลง

        วิทยาศาสตร์

            ระดับของความราดเอียงของสไลเดอร์ ความสูงต่ำ และการเสียดทานของหลอดกับดินน้ำมัน มีการจับเวลา เกี่ยวกับสเปสกับเวลา

     คณิตศาสตร์

            เรื่องจำนวน ว่าใช้หลอดที่อาจารย์เตรียมให้กี่อัน 

            เรื่องการวัด ระยะของความยาว และการจับเวลา

      เทคโนโลยี

            อุปกรณ์ที่มีการพัฒนาจากเดิม เช่น สก๊อตเทป 

       วิศวกรรม

           การออกแบบที่มีเป้าหมาย มีการเขียนแบบก่อนที่จะลงมือสร้าง


คำศัพท์

            1.science    วิทยาศาสตร์
            2.Planning การวางแผน  
  3.Engineering    วิศวะ
            4.Technology เทคโนโลยี
            5.mathematics    คณิตศาสตร์
ประเมิน

                 ประเมินตนเอง  ตั้งใจฟังที่อาจารย์มอบหมายงาน

                 ประเมินเพื่อน   ตั้งใจฟังและตอบคำถามอาจารย์เมื่ออาจารย์ถาม

                 ประเมินอาจารย์  พูดอธิบายงานอย่างละเอียด

บันทึกครั้งที่ 6

 บันทึกครั้งที่ 6

วันศุกร์ ที่ 25 กันยายน  2563 เวลา 08:30-12.30 น.

เนื้อหา

งานจับคู่สร้างของเล่นวิทยาศาสตร์ จากของเหลือใช้ เต่าหลังตุง





อุปกรณ์
1.ขวดน้ำ
2.เชือก
3.กระดาษ
                                
ขั้นตอนการทำ

1.ตัดขวดน้ำ
2.นำขวดน้ำที่ตัดมาแปะกับกระดาษ
  3.วาดตามรอบขวดน้ำ ตกแต่งและตัด
4นำเชือกมาพันขวดที่ตัดให้เป็นหลังเต่า
5.นำฝาขวดที่เหลือมาผูกเชือกทำเป็นเส้นชัย

วิธีเล่น
1.กำหนดจุดเส้นชัย
2.นำเต่าไปที่จุดเริ่มต้น
3.แบ่งเป็น2ทีม แล้วเป่าเต่าแข่งกัน ใครไปถึงเส้นชัยก่อนคนนั้นชนะ

ได้วิทยาศาสตร์จากของเล่น เต่าหลังตุง  
1.การใช้แรงเป่า(ลมในตัวมนุษย์)
2.เกิดแรงเสียดทาน (แรงที่ต่อต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุ แรงเสียดทานเกิดขึ้นระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุกับผิวของพื้น เช่น เมื่อเราเป่าเต่า)


                              

คำศัพท์
            1.force                แรง
            2.wind                ลม
            3.air                    อากาศ
            4.Heat                ความร้อน
            5.Pressure        ความดัน

การประเมิน

                 ประเมินตนเอง  ตั้งใจฟังที่อาจารย์มอบหมายงาน

                 ประเมินเพื่อน   ตั้งใจฟังและตอบคำถามอาจารย์เมื่ออาจารย์ถาม

                 ประเมินอาจารย์  พูดอธิบายงานอย่างละเอียด